EN TH
14 มกราคม 2562

สมเด็จพระวันรัต แสดงสัมโมทนียกถา แก่คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ ผู้จัด ศิลปินดาราช่อง 3

เมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระวันรัต(จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ได้ประทานโอวาทกล่าวสัมโมทนียกถา เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2562 แก่คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ ผู้จัดละคร และศิลปินดารา สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ณ ชั้น 8 อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์ 2 ความว่า

"ขอเจริญพรทุกท่าน วันนี้ ทุกท่านได้ร่วมกันบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ นอกจาก นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพุทธมนต์ มีการตั้งใจรับศีล บำเพ็ญทาน ดั่งที่เห็นนี่แล้ว ก็ประสงค์จะฟังพระพูด ให้เป็นมงคลในชีวิต หรือถือเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาก็ตาม การรับพรจากพระ โอกาสนี้ ก็ขออวยพรให้ทุกท่าน โชคดี เท่านี้น่าจะพอนะ คือ ทุกคนหวังกันทั้งนั้น ในชีวิตขอให้โชคดี แต่คำว่าโชคดีนี่มันเป็นสองคำ น่าจะมีความหมายซึ่งทุกคนประสงค์กันทั้งนั้น ไม่มีใครไม่อยากได้ โชคดีในชีวิต พูดมันก็น้อย พูดว่าขอให้ทุกท่านโชคดี เหมือนน้อย แต่ว่ามาก มันมีอยู่สองอย่างนั้นแหละนะ คือ มันมีอย่างที่ อยากได้โชคดี และอย่างที่ไม่อยากได้ คือโชคร้าย อาตมาขอให้ทุกท่านโชคดี ในโอกาสขึ้นปีใหม่ แต่พูดเท่านี้น่าจะน้อย น่าจะขยายให้มากขึ้นไปหน่อย โชคดีซึ่งทุกคนต้องการปรารถนา โดยเฉพาะในเทศกาลขึ้นปีใหม่ และตั้งใจให้ทุกท่านมีโชคดีด้วยกันทั้งนั้น และพระก็จะให้พรว่า ขอให้โชคดี แต่ว่าการโชคดีนั้น ไม่ได้เกิดเพราะ ท่านปรารถนา หรือพระให้พรอย่างเดียว มันต้องไปสร้างให้โชคดี เราปรารถนาให้โชคดีในชีวิตตลอดไป พระก็ให้พรว่าขอให้ท่านโชคดี แต่ถามว่าได้ไหม ได้ไหมเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ น่าจะต้องไปสร้าง ไม่มีอะไรให้กันได้ นอกจากเราไปสร้างเอง และเครื่องมือที่เราจะไปสร้างความโชคดีให้แก่ตัวเองนั้น ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ตัวเราทุกคน เรามีเครื่องมือที่จะสร้างความโชคดีให้แก่ตัวเองทั้งนั้น มีด้วยกันทุกคน ไม่มีใครไม่มี ก็ได้แก่ กาย วาจา ใจ ของเรานี่แหละ กายก็มี วาจาก็มี ใจก็มี มีอยู่ด้วยกันทุกคน และเราจะไปหาโชคดีที่เราปรารถนาได้ ก็ด้วยใช้เครื่องมือสามอย่างนี่แหละ ใช้ใจคิด คิดว่าเราจะไปหาโชคดีอยู่ตรงไหน และเราจะไปจุดที่เราปรารถนาโชคดีได้ ก็ด้วยใช้กายกระทำ ใช้วาจาพูด ไม่มีสิ่งอื่นที่จะไปหาที่นั่นได้ เรานึกว่าจะมีคนช่วย อาจจะมีคนช่วย แต่ก่อนที่เขาจะช่วยเราให้ไปถึงโชคดีได้ เราต้องช่วยตัวเองก่อน พูดอย่างนี้อาจจะไม่เห็นภาพ พูดให้เห็นว่า ถ้าเราประสบภัย เช่นว่า นั่งเรือไปตกน้ำกลางทะเล อันนั้นโชคร้าย ตกน้ำโชคร้าย แต่เราปรารถนาโชคดี ก็คือ พ้นจากน้ำ ไม่จมน้ำ ก็นับว่าโชคดี เหมือนกับจะต้องมีคนมาช่วย เราถึงจะพ้นจากทะเลได้ ต้องมีคนช่วย ต้องมีตัวช่วย ว่างั้นเถอะ เอามีตัวช่วย มีคนใจดีโยนห่วงยางไปให้ โยนห่วงยางไปให้เรา ห่วงยางเป็นตัวช่วย ถามว่าห่วงยางจะช่วยเราได้ไหม ไม่ได้ เราจะพ้นจากน้ำไปสู่โชคดีได้ เราต้องช่วยตัวเอง คือ ยกมือไปเกาะในห่วงยาง ถ้าไม่ยกมือไปเกาะห่วงยาง ไม่มีตัวไหนที่จะช่วยเราได้ ก็เอาเป็นว่า เราไปหาโชคดีนี้ เราก็ต้องทำเอง เครื่องมือที่เราจะทำนั้น มีอยู่แล้วทั้งนั้น ก็คือ กาย วาจา ใจ ของเรานี่แหละ เราคิดดี ก็อำนวยให้ทำดี คิดดีก็คือใจ อำนวยให้ทำดี ก็คืออำนวยให้ร่างกายทำดี อำนวยให้วาจาพูดดี แล้วถ้าเราทำดี พูดดี คิดดี อย่างที่พูดนี่ แล้วเราจะไปไหน เราจะไปโชคร้าย หรือเราจะไปโชคดี มันต้อง ไปโชคดี ที่เราอยากไป อาจจะนึกว่าต้องมีตัวช่วย ก็ต้องมีคนช่วยหลังจากที่เรา คิดดี ทำดี พูดดีแล้ว

อย่างที่ยกตัวอย่างว่า ห่วงยางจะช่วยเราให้พ้นน้ำได้สู่โชคดีได้ เราก็ต้องยกมือไปเกาะห่วงยาง ไม่มีอะไรช่วยเราได้ทั้งนั้น นอกจากตัวเราเอง ทีนี้ก็เพียงแต่ กาย วาจา ใจ สามอย่าง คิดดี ทำดี พูดดี แล้วก็ต้องมี เครื่องบังคับใจ ให้พูดดี ให้คิดดี ให้ทำดี มีตัวบังคับ ตัวบังคับก็มีอยู่แล้วในตัวเรา ก็ได้แก่ สติปัญญา เอาปัญญามาคิดว่าอย่างไหนดี คิดยังไงดี แล้วจะพูดดี ทำดีอย่างไร คิดยังไงไม่ดี คิดไม่ดีแล้ว มันจะทำดีไหม จะพูดดีไหม ก็ไม่ดี ก็คิดไม่ดี ทำไม่ดี พูดไม่ดี เราก็จะไปที่ที่ไม่มีโชค อับโชค หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็เราปรารถนาที่ที่เราจะไปที่มีโชค ก็ต้อง ทำให้ดี พูดให้ดี คิดให้ดี เราก็เอาตัวบังคับมาใช้ ก็คือเอาสติมาคุมเอาปัญญามาใช้ ของทั้ง 5 อย่างมีอยู่ที่เราแล้วทั้งนั้น ไม่ได้อย่างที่พระพูด พระพูดเพียงแต่ว่า ให้ท่านไปคิด ว่าทุกอย่างที่เราปรารถนา ตามพรที่พระให้ว่า ขอให้ทุกท่านโชคดีนะ เราจะไปหาโชคดีได้อย่างไร ต้องยกมือไปเกาะห่วงยาง ไม่มีใครจะช่วยเราได้ เหมือนกับมีตัวช่วย แต่ว่าตัวช่วยนั้น จะช่วยเราได้ เมื่อเราช่วยตัวเองก่อน ช่วยตัวเองก่อนแล้วจะมีตัวช่วย ยกมือไปเกาะห่วงยาง แล้วห่วงยางก็ช่วยเราให้ไม่จมน้ำได้ ขออนุโมทนาทุกท่าน หวังว่าสัมโมทนียกถาจะเป็นประโยชน์ จะเป็นข้อคิดแก่ทุกท่าน แล้วข้อคิดนี้ ก็ขอให้เอาไว้ในใจ เครื่องมือที่เราจะไปหาโชคดีนั้น อยู่ที่กายเรา อยู่ที่วาจาเรา อยู่ที่ใจเรา อยู่ที่สติปัญญาที่เราพินิจพิจารณาอย่างไร แล้วตัวช่วยนั้นมาทีหลัง อย่าไปเกาะตัวช่วยอย่างเดียว ไม่มีทาง ถ้าเราไม่ดี ไม่ทำดี ไม่พูดดี ไม่คิดดี ตัวช่วยที่ไหนก็ช่วยเราไม่ได้ เราไม่ยกมือไปเกาะห่วงยาง ห่วงยางที่ไหนก็ช่วยเราไม่ได้ อนุโมทนาทุกท่าน"