24 February 1997

นำส่งงบการเงินรวมของบริษัทฯและบริษัทย่อย ปี 2539

-4- 9. เงินลงทุนในที่ดิน บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีเงินลงทุนในที่ดินประกอบด้วยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งบริษัทย่อยมี นโยบายที่จะไม่ใช้ประโยชน์ในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าว เนื่องจากมีสภาพที่ไม่คุ้มกับการซ่อมแซม ที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นจึงบันทึกมูลค่าตามสัญญาซื้อขายทั้งสิ้นเป็นมูลค่าราคาทุนของที่ดิน บริษัทย่อยแห่งนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้นจึงแสดงที่ดินไว้ในบัญชีเงิน ลงทุนในที่ดิน 10. สิทธิการใช้ทรัพย์สินรอตัดบัญชี ประกอบด้วย บาท 2539 2538 อาคาร 78,966,884.74 71,905,908.64 เครื่องส่งโทรทัศน์สีและวิทยุ 193,997,804.86 214,288,171.40 อุปกรณ์โทรทัศน์สีและวิทยุ 253,187,356.88 192,666,704.17 รถถ่ายทอดสัณญาณโทรทัศน์ 11,660,091.26 6,956,122.79 อุปกรณ์ระหว่างติดตั้ง 1,064,209.57 4,747,500.00 ค่าสิทธิโครงการขยายเครือข่าย 1,508,722,120.19 1,511,870,865.19 รวม 2,047,598,467.50 2,002,435,272.19 หัก ค่าสิทธิการใช้ทรัพย์สินตัดจ่ายสะสม ( 692,738,190.23) ( 604,983,301.15) สิทธิการใช้ทรัพย์สินรอตัดบัญชี-สุทธิ 1,354,860,277.27 1,397,451,971.04) ค่าสิทธิการใช้ทรัพย์สินตัดจ่ายประจำปี 108,224,987.59 103,873,374.57 11. ค่าเช่าภาพยนตร์ ค่าละครและลิขสิทธิ์รอตัดบัญชี ประกอบด้วย บาท 2539 2538 ค่าเช่าภาพยนตร์ ค่าละครและลิขสิทธิ์ รอตัดบัญชี-สุทธิยกมา 621,500,242.09 308,426,394.20 บวก ค่าเช่าภาพยนตร์ ค่าละครและ ลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างปี 519,308,300.84 510,972,428.87 รวม 1,140,808,542.93 819,398,823.07 หัก ค่าเช่าภาพยนตร์ ค่าละครและลิขสิทธิ์ ตัดจ่ายในระหว่างปี ( 276,915,121.93) (197,898,580.98) ค่าเช่าภาพยนตร์ ค่าละครและลิขสิทธิ์ รอตัดบัญชี-สุทธิยกไป 863,893,421.00 621,500,242.09 -5- 12. เงินกู้ยืมระยะยาว ประกอบด้วย บาท 2539 2538 เงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ - 765,000,000.00 เงินกู้จากสถาบันการเงิน - 180,000,000.00 รวม - 945,000,000.00 หัก เงินกู้ยืมระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนด ชำระภายในหนึ่งปี - (129,000,000.00) เงินกู้ยืมระยะยาว-สุทธิ - 816,000,000.00 ในปี 2530 บริษัทย่อยได้กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งและสถาบันการเงินในประเทศ 2 แห่ง ในวงเงิน 1,200 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการขยายเครือข่ายบริการของสถานีวิทยุ โทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกไปในส่วนภูมิภาค มีอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนดในสัญญาซึ่งปัจจุบันคิด ในอัตรา MLR ต่อปี และชำระคืนเป็นงวด ๆ ครบกำหนดชำระในปี 2543 ค้ำประกันด้วยสิทธิตาม สัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีกับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และมีบริษัทแม่และ กรรมการบริษัทร่วมค้ำประกัน ในปี 2534 บริษัทย่อยได้กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในวงเงิน 81 ล้านบาท เพื่อ ใช้ในการขยายเครือข่ายสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาค มีอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี และ ชำระคืนเป็นงวด ๆ ครบกำหนดชำระในปี 2543 โดยมีกรรมการบริษัทค้ำประกันเป็นการส่วนตัว เงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีได้แสดงไว้ภายใต้หนี้สินหมุนเวียน ในปี 2539 บริษัทได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมแก่ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทั้งหมดแล้ว 13. ทุนเรือนหุ้น เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2538 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติพิเศษยืนยันมติที่ประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2538 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 5,000,000 บาท (แบ่งเป็น 500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็นทุนจดทะเบียน 1,800,000,000 บาท (แบ่งเป็น 180,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นครบแล้วและได้จด ทะเบียนการเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2538 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติพิเศษให้เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 1,800,000,000 บาท (แบ่งเป็น 180,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 2,000,000,000 บาท (แบ่งเป็น 200,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) และเสนอให้ พิจารณาจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 20,000,000 หุ้น ขายให้ประชาชนทั่วไป โดยคณะ กรรมการมีมติอนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว ในราคาหุ้นละ 142 บาท และกำหนดวัน จองซื้อและชำระค่าหุ้นในวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2539 บริษัทได้รับเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนครบถ้วนในวัน ที่ 28 พฤษภาคม 2539 และได้จดทะเบียนการเพิ่มทุนกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2539 ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเป็น 2,000 ล้านบาท ทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นทั้งสิ้น 2,536.50 ล้านบาท (ส่วนเกินมูลค่าหุ้นแสดงยอดสุทธิจาก ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายหุ้นจำนวน 103.5 ล้านบาท) -6- 14. เงินปันผลจ่าย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2539 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 180 ล้านหุ้น ในอัตราหุ้นละ 1 บาท เป็นเงิน 180 ล้านบาท แต่ในที่ประชุม สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2539 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2539 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ ถือหุ้นจำนวน 180 ล้านหุ้น จากเดิมในอัตราหุ้นละ 1 บาท เป็น 1.50 บาท เป็นเงิน 270 ล้าน บาท บริษัทได้จ่ายเงินปันผลแล้วในเดือน พฤษภาคม 2539 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2538 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2538 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปัน ผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 500,000 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 222 บาท เป็นเงิน 111 ล้านบาท บริษัทได้ จ่ายเงินปันผลแล้วในเดือน สิงหาคม 2538 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2538 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/2538 ได้มีมติอนุมัติจ่าย เงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 500,000 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 160 บาท เป็นเงิน 80 ล้านบาท บริษัทได้จ่ายเงินปันผลแล้วในเดือน กันยายน 2538 15. สำรองตามกฎหมาย ในปี 2539 และ 2538 บริษัทต้องจัดสรรสำรองตามกฎหมายอย่างน้อยร้อยละ 5 ของ กำไรสุทธิประจำปีตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 จนกว่าสำรองนี้มียอดเป็น ร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน 16. การเปลี่ยนชื่อบริษัทและการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติพิเศษยืนยันมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือ หุ้น เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2538 ให้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด บริษัทได้จด ทะเบียนการเปลี่ยนชื่อบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2538 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติพิเศษยืนยันมติที่ประชุมวิสามัญผู้ ถือหุ้น เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2538 ให้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและแก้ไขชื่อบริษัทให้เป็น บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทได้จดทะเบียนการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและ การเปลี่ยนชื่อบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2538 17. ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้า บริษัทย่อยมีภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นภายหน้า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2539 และ 2538 ดังนี้ 17.1 บริษัทย่อยมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต จำนวน 0.66 ล้านบาท และ 2.88 ล้านบาท ตามลำดับ 17.2 บริษัทย่อยมีภาระผูกพันตามหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ จำนวน 56.01 ล้านบาท และ 37.12 ล้านบาท ตามลำดับ -7- 18. การเสนอข้อมูลทางการเงินจำแนกตามส่วนงาน บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินกิจการในส่วนงานทางธุรกิจเดียวคือ ธุรกิจด้านบันเทิงและ สันทนาการ และดำเนินธุรกิจในส่วนงานทางภูมิศาสตร์เดียวคือ ในประเทศไทย ดังนั้นรายได้ กำไรและสินทรัพย์ทั้งหมดที่แสดงในงบการเงินจึงเกี่ยวข้องกับส่วนงานทางธุรกิจตามที่กล่าวไว้ 19. รายการระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน บริษัทมีรายการสินทรัพย์ หนี้สิน รายได้และค่าใช้จ่ายบางส่วนกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกันโดยมีผู้ ถือหุ้น และ/หรือกรรมการร่วมกัน รายการดังกล่าวเป็นไปตามปกติธุรกิจตามราคาตลาดซึ่งสามารถ เปรียบเทียบได้กับรายการค้าที่เกิดกับบุคคลภายนอก ผลของรายการดังกล่าวได้แสดงไว้ในงบการ เงินนี้ตามมูลฐานที่ตกลงร่วมกันโดยบริษัทและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน รายการที่เกี่ยวข้องกัน ที่สำคัญ มีดังนี้ บาท 2539 2538 เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน 39,400,000.00 33,300,000.00 ดอกเบี้ยค้างรับ 4,901,678.08 153,493.16 อุปกรณ์สำนักงาน 8,021,599.00 - ดอกเบี้ยรับ 4,748,184.92 153,493.16 ค่าเช่าและบริการ 10,516,566.00 - 20. อื่น ๆ 20.1 บริษัทย่อยได้ทำสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีกับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศ ไทยตามสัญญาลงวันที่ 28 เมษายน 2521 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2525 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2530 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2532 โดยได้รับ สิทธิร่วมดำเนินการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดย ทรัพย์สินที่บริษัทย่อยได้กระทำขึ้นหรือได้จัดหามาไว้สำหรับใช้ในการดำเนินการตามสัญญานี้ ให้ตก เป็นทรัพย์สินขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย นับแต่วันที่ได้กระทำหรือได้จัดหาโดย บริษัทย่อยมีสิทธิในการใช้ทรัพย์สินดังกล่าวได้ ภายใต้สัญญาดังกล่าวข้างต้น บริษัทย่อยจะต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรายปีแก่องค์การ สื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา -8- 20.2 บริษัทย่อยได้ทำสัญญาเช่าเวลาจัดรายการ และโฆษณากับองค์การสื่อสารมวลชนแห่ง ประเทศไทยตามสัญญาลงวันที่ 25 มกราคม 2533 และแก้ไขใหม่ ลงวันที่ 22 กันยายน 2537 โดยได้รับสิทธิในการจัดรายการและโฆษณาสถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท. เอฟ.เอ็ม. ความถี่ 105.5 เมกกะเฮิร์ตซกรุงเทพมหานคร จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสัญญาร่วม ดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สี แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 โดยมีข้อตกลงว่าหากสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่ง โทรทัศน์สี สิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยเหตุใดก่อนครบกำหนดอายุสัญญา ให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันสิ้นสุดด้วย ภายใต้สัญญาดังกล่าวข้างต้น บริษัทย่อยจะต้องจ่ายค่าเช่าเวลาและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ราย เดือนแก่องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา 20.3 ในปี 2538 บริษัทย่อยมีบันทึกข้อตกลงการร่วมดำเนินกิจการให้บริการโทรทัศน์ระบบบอก รับเป็นสมาชิกกับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2537 โดยได้ รับสิทธิร่วมดำเนินกิจการให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกเป็นเวลา 25 ปี ซึ่งบริษัทย่อย จะต้องจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดขึ้นเพื่อประกอบกิจการนี้ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบันทึก ข้อตกลง และในปี 2539 บริษัทย่อยได้แจ้งยกเลิกบันทึกข้อตกลงการร่วมดำเนินกิจการให้บริการ โทรทัศน์ ระบบบอกรับเป็นสมาชิก ฉบับลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2537 กับองค์การสื่อสารมวลชน แห่งประเทศไทย เนื่องจากอุปสรรคในการบริหารกิจการและการใช้เทคโนโลยี และองค์การสื่อ สารมวลชนแห่งประเทศไทยได้มีมติให้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2539 ซึ่งบริษัทย่อยมีความเสียหายจากการยกเลิกบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นจำนวนเงินประมาณ 24.43 ล้านบาท 21. การจัดประเภทบัญชีใหม่ บัญชีบางหมวดในปี 2538 ได้มีการจัดประเภทบัญชีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงงบการ เงินในปี 2539 22. เงินปันผลค้างจ่ายลดลง เงินปันผลค้างจ่ายลดลงเป็นเงินปันผลของบริษัทย่อยที่ประกาศจ่ายในปี 2538 และจ่ายชำระ ในปี 2539 ซึ่งการประกาศจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เข้าถือหุ้นในบริษัทย่อย